วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)


 ไทยกัมพูชาจับมือพัฒนาชายแดน

      11 มิถุนายน 2556 : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้น ทางคมนาคมระหว่างไทยกับกัมพูชา (เจซีดีซี) ครั้งที่ โดยในส่วนของไทย ประกอบด้วย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม และนพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เข้าร่วมประชุมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา โดยมีนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศและและความร่วมมือระหว่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายกัมพูชา
      ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายสุรพงษ์ และนายนัมฮง ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ว่าด้วยความร่วมมือในการส่ง เสริมการทำเกษตรแบบมีสัญญา ภายใต้กรอบแอคเมคส์(ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนเพาะปลูกสินค้าเกษตรที่ผลิตไม่พอใน ประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีรัฐมนตรีทั้งหมดร่วมเป็นสักขีพยาน
     จากนั้น นายสุรพงษ์ แถลงว่า นายกรัฐมนตรีของทั้ง ประเทศมีเจตนารมย์ร่วมกันที่ต้องการเห็นชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นชายแดนแห่งความสุข มิตรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมมิตรภาพระหว่างกันให้มีความยั่งยืนต่อไป โดยแนวคิดริเริ่มนี้ถือเป็นนโยบายที่สำคัญยิ่งของรัฐบาลไทยต่อประเทศเพื่อน บ้าน และจะเป็นต้นแบบในการดำเนินงานกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆของไทย
     ด้านนายนัมฮง กล่าวว่า การหารือในวันนี้เกิดขึ้นภายใต้บรรยากาศของความเป็นมิตรและความเข้าใจ อีกทั้งยังครอบคลุมความร่วมมือในทุกด้าน ขณะที่การลงนามในเอ็มโอยูการทำเกษตรแบบมีสัญญาก็จะช่วยชาวกัมพูชาให้สามารถ ขายสินค้าเกษตรโดยมีการรับรองเรื่องราคาอีกด้วย สำหรับประเด็นการหารือที่ ฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา มี 12 ประเด็นหลัก คือ 1.การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นใน จุด คือที่จ.สระแก้ว-จ.บันเตียเมียนเจย และที่จ.ตราด-จ.เกาะกง โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อศึกษารายละเอียดของความเป็นไปได้ต่างๆ 2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความเชื่อมโยง ประกอบด้วยเส้นทางถนนหมายเลข 5, 6 และ 48 ของกัมพูชา รวมถึงเส้นทางรถไฟจากอ.อรัญประเทศถึงบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว ระยะทาง กิโลเมตร และจากอ.ปอยเปต-อ.ศรีโสภณ ระยะทาง 48 กิโลเมตร เพื่อสนับสนุนการเดินทางขนส่งและการค้าระหว่างกัน รวมถึงทั้ง ฝ่ายจะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเปิดจุดผ่านแดนใหม่ที่ บ้านสตีงบท-หนองเอียน เพื่อช่วยลดความแออันของด่านที่ใช้ในปัจจุบัน นายนัมฮง กล่าวอีกว่า 3.จะยกระดับและเปิดจุดผ่านแดนใหม่อีก จุด เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าและการเดินทางไปมาของประชาชนในพื้นที่ ชายแดน โดยยกระดับจุดผ่อนปรน จุด เป็นจุดผ่านแดนถาวร ได้แก่ ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี-บ้านสะเตียลกวาง จ.พระตะบอง บ้านเขาดิน จ.สระแก้ว-พนมได จ.พระตะบอง บ้านท่าเส้น จ.ตราด-บ้านทมอดา จ.โพธิสัต และเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าใหม่ แห่งที่ ช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์-ช่องจุ๊บโกกี จ.อุดรมีชัย ซึ่งต้องรอให้การสำรวจและปักปันเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวแล้วเสร็จก่อน 4. เร่งทำการกวาดล้างทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ชายแดน 5.จัดตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับเอกสารที่จะใช้ในการเดินทางผ่าน แดนสำหรับประชาชนตลอดแนวชายแดนเพื่อการเข้าไปทำงานแต่ละวัน การทำงานระยะสั้น ไปจนถึงการทำงานตามฤดูกาล เพราะกัมพูชาอยากให้ใช้บัตรผ่านแดนแทนหนังสือเดินทาง 6.ความร่วมมือด้านพลังงานและไฟฟ้า โดยไทยจะเพิ่มการขายไฟฟ้าให้กัมพูชา จาก 80 เมกกะวัตต์ เป็น 120 เมกกะวัตต์ และการร่วมกันพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จ.เกาะกง
       นายนัมฮง กล่าวว่า 7.ไทยและกัมพูชาตั้งเป้าว่าจะเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกันตั้งแต่ปี 2555-2558 ให้ได้ร้อยละ 30 ต่อปี 8.การทำการเกษตรแบบมีสัญญา 9.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ อาทิ ความร่วมมือด้านสาธารณสุข การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน การศึกษาเพื่อเพิ่มพูนทักษะด้านภาษาไทยและกัมพูชาของประชาชนในพื้นที่ และการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ 10.ส่งเสริมการพัฒนาชุมชนภายใต้โครงการต่างๆ 11.การพัฒนาโครงการสามเหลี่ยมมรกต ระหว่างไทย-กัมพูชา-ลาว และ 12.ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว นายสุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงการผลักดันความร่วมมือ ท่ามกลางปัญหาปราสาทพระวิหาร ว่า นายกรัฐมนตรีทั้ง ประเทศ หารือกันแล้วว่าทั้ง ประเทศจะแยกประเด็นความสัมพันธ์ ออกจากเรื่องปราสาทพระวิหาร เพราะความสัมพันธ์ขณะนี้ถือว่าดีมาก และไทย-กัมพูชาต้องอยู่ด้วยกันและพึ่งพากันไปอย่างนี้
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ในช่วงเย็น คณะรัฐมนตรีของไทย ได้เข้าเยี่ยมคาราวะสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่พระราชวังสันติภาพ ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงค่ำวันนี้.
แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เดลินิว

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น