วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การใส่เสียงลงบนโปรแกรม Flash 8




การทำภาพให้เป็นการ์ตูน ด้วยโปรแกรม Photoshop



สอนวาดภาพ Adobe Flash CS6



flash 8 สอนการทำcomboพื้นฐาน




การทำการ์ตูน เอนิเมชั่น 




ไข้เลือดออก

ไข้เลือดออก ช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้มีผู้ได้รับเชื้อจากอาการไข้เลือดออกเป็นจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งการรักษาถึงแม้นว่าจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเข้ามาดูแลและรักษา แต่ไข้เลือดออกก็ยังทำลายสุขภาพของคุณและในครอบครัวอยู่ดี 


ป้องกันภัยจากไข้เลือดออก
ไข้เลือกออก สถานการณ์ไข้เลือดออกช่วง เดือนที่ผ่านมา ค่อนข้างรุนแรงมากขึ้น ..
เพราะขณะนี้มียอดผู้ป่วยพุ่งขึ้นนับหมื่นราย อีกทั้งมีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 16 ราย เนื่องจากเมื่อเป็นโรคนี้แล้วรักษาไม่ทัน หรือมองข้ามคิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก วันนี้เราจึงต้องมาย้ำเตือนกันอีกครั้ง เพื่อการป้องกันและดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออกที่กำลังคุกคามอยู่ในขณะนี้
ไข้เลือดออก (Dengue hemorrhagic fever) เป็นโรคติดต่อจากไวรัสเดงกี่ (Dengue virus) ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ปัจจุบันมีไวรัสแดงกี่ทั้งหมด สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ 1,2,3 และ โดยทุกสายพันธุ์มีโอกาสก่อให้เกิดโรคได้ทุกความรุนแรง ดังนั้นการป้องกันอย่างแรกก็คือ การเทภาชนะที่ไม่น้ำขังออกเพื่อป้องกันการแพร่พันธุ์ของยุงลายสัปดาห์ละ ครั้ง และกำจัดลูกน้ำยุงลายโดยใส่ทรายอะเบต (Abate)ลงในภาชนะใส่น้ำ
อาการของโรคส่วนใหญ่ร้อยละ 90 จะไม่แสดงอาการ ในส่วนที่แสดงออกมา จะแบ่งเป็น กลุ่ม คือ ไข้ไวรัส โดยผู้ป่วยมีไข้แค่ 2-3 วัน และมีผื่นตามตัวไข้แดงกี่ ผู้ป่วยมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศรีษะ เมื่อยตามตัว และพบจุดเลือดออกจากการทำทดสอบ tourniquet test ถ้าเจาะเลือดมักจะมีเม็ดเลือดขาวต่ำ บางรายอาจมีเกล็ดเลือดต่ำร่วมด้วย, ไข้เลือดออกแดงกี่ ผู้ป่วยมีไข้สูงลอย 2-7 วัน มีการเลือดออกที่ผิวหนัง ตับโตและพบจุดเลือดออกจากการทดสอบ tourniquet test ลักษณะเฉพาะของโรคคือมีการรั่วของพลาสมา หรือน้ำเหลืองออกจากเส้นเลือด ทำให้เกิดมีภาวะช็อกได้ โดยส่วนใหญ่จะมีการรั่วของพลาสมาประมาณ 24-48 ชั่วโมงหลังจากระดับเกล็ดเลือดลดต่ำลง
ทั้งนี้อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นยังแบ่งออกเป็น ระยะได้แก่
ระยะไข้สูง ผู้ป่วยจะมีไข้สูง39-40 องศาเซลเซียส ส่วนใหญ่ตอดต่อกันเป็นเวลา 2-7 วัน มักมีอาการหน้าแดง ปวดศรีษะ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร อาเจียน ปวดท้องบริเวณลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวาตับโตกดเจ็บ บางรายอาจมีจุดเลือดออกเล็กๆ กระจายที่ผิวหนัง มักไม่มีอาการหวัดชัดเจน
ระยะวิกฤติ ป็นระยะที่มีไข้ลดลงรวดเร็วและมีการรั่วของพลาสมา ถ้าหากมีการรั่วอย่างมาก จะเกิดอาการช็อคได้ ผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเร็วและเบา มีความดันโลหิตต่ำ และอาจมีอาการเลือดออกที่อวัยวะอื่นๆ ในรายที่รุนแรงอาจมีอาเจียนและถ่ายอุจจาระเป็นเลือดซึ่งมักจะเป็นสีดำ
ระยะฟื้นตัว เป็นระยะที่พลามากลับเข้าสู่กระแสโลหิต ผู้ป่วยมีอาการทั่วไปดีขึ้น มีความอยากอาหาร ปัสสาวะเพิ่มขึ้น มีผื่นเป็นวงกลมสีขาวกระจายอยู่บนปื้นสีแดงและอาจมีอาการคันร่วมด้วย
เมื่อเป้นไข้เลือดออกแล้ว การรักษาผู้ป่วยจะต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจปริมาตรเกล็ดเลือดและระดับความเข้มข้นของเลือด โดยในระยะแรก ต้องหมั่นเช็คตัวเพื่อลดไข้ และถ้าเป็นเด็ก ต้องระวังเรื่องอาการชักและควรให้ยาลดไข้อย่างรอบคอบในเวลาที่มีไข้สูงเท่านั้น ไม่ควรใช้ยาพวกแอสไพริน และอีบูเทอเฟน เนื่องจากสเยงต่อภาวะเลือดออก ควรใช้พาราเซตามอลแทน ในกรณีที่เริ่มเข้าสู่ระยะวิกฤติหรือระยะที่มีการรั่วของพลาสมา เบื่ออาหาร ไม่ดื่มน้ำ ถ่ายปัสสวะน้อย อาเจียนมาก ปวดท้องรุนแรง ซึม มือเท้าเย็น ซึ่งอาจเป็นภาวะช็อก ต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล เพื่อเฝ้ารอดูอาการจากแพทย์ตลอดเวลา ไม่ควรพากลับบ้าน
คำแนะนำ
ถ้าผู้ป่วยมีไข้สูงติดต่อกันเกิน วัน ควรพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง ระวังไม่ให้ยุงกัดในเวลากลางวัน และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

ข่าวสารอาเซียน (ASEAN News)


 ไทยกัมพูชาจับมือพัฒนาชายแดน

      11 มิถุนายน 2556 : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดนและการเชื่อมโยงเส้น ทางคมนาคมระหว่างไทยกับกัมพูชา (เจซีดีซี) ครั้งที่ โดยในส่วนของไทย ประกอบด้วย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม และนพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เข้าร่วมประชุมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา โดยมีนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศและและความร่วมมือระหว่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายกัมพูชา
      ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายสุรพงษ์ และนายนัมฮง ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ว่าด้วยความร่วมมือในการส่ง เสริมการทำเกษตรแบบมีสัญญา ภายใต้กรอบแอคเมคส์(ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนเพาะปลูกสินค้าเกษตรที่ผลิตไม่พอใน ประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีรัฐมนตรีทั้งหมดร่วมเป็นสักขีพยาน
     จากนั้น นายสุรพงษ์ แถลงว่า นายกรัฐมนตรีของทั้ง ประเทศมีเจตนารมย์ร่วมกันที่ต้องการเห็นชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นชายแดนแห่งความสุข มิตรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมมิตรภาพระหว่างกันให้มีความยั่งยืนต่อไป โดยแนวคิดริเริ่มนี้ถือเป็นนโยบายที่สำคัญยิ่งของรัฐบาลไทยต่อประเทศเพื่อน บ้าน และจะเป็นต้นแบบในการดำเนินงานกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆของไทย
     ด้านนายนัมฮง กล่าวว่า การหารือในวันนี้เกิดขึ้นภายใต้บรรยากาศของความเป็นมิตรและความเข้าใจ อีกทั้งยังครอบคลุมความร่วมมือในทุกด้าน ขณะที่การลงนามในเอ็มโอยูการทำเกษตรแบบมีสัญญาก็จะช่วยชาวกัมพูชาให้สามารถ ขายสินค้าเกษตรโดยมีการรับรองเรื่องราคาอีกด้วย สำหรับประเด็นการหารือที่ ฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา มี 12 ประเด็นหลัก คือ 1.การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นใน จุด คือที่จ.สระแก้ว-จ.บันเตียเมียนเจย และที่จ.ตราด-จ.เกาะกง โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อศึกษารายละเอียดของความเป็นไปได้ต่างๆ 2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความเชื่อมโยง ประกอบด้วยเส้นทางถนนหมายเลข 5, 6 และ 48 ของกัมพูชา รวมถึงเส้นทางรถไฟจากอ.อรัญประเทศถึงบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว ระยะทาง กิโลเมตร และจากอ.ปอยเปต-อ.ศรีโสภณ ระยะทาง 48 กิโลเมตร เพื่อสนับสนุนการเดินทางขนส่งและการค้าระหว่างกัน รวมถึงทั้ง ฝ่ายจะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเปิดจุดผ่านแดนใหม่ที่ บ้านสตีงบท-หนองเอียน เพื่อช่วยลดความแออันของด่านที่ใช้ในปัจจุบัน นายนัมฮง กล่าวอีกว่า 3.จะยกระดับและเปิดจุดผ่านแดนใหม่อีก จุด เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าและการเดินทางไปมาของประชาชนในพื้นที่ ชายแดน โดยยกระดับจุดผ่อนปรน จุด เป็นจุดผ่านแดนถาวร ได้แก่ ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี-บ้านสะเตียลกวาง จ.พระตะบอง บ้านเขาดิน จ.สระแก้ว-พนมได จ.พระตะบอง บ้านท่าเส้น จ.ตราด-บ้านทมอดา จ.โพธิสัต และเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าใหม่ แห่งที่ ช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์-ช่องจุ๊บโกกี จ.อุดรมีชัย ซึ่งต้องรอให้การสำรวจและปักปันเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวแล้วเสร็จก่อน 4. เร่งทำการกวาดล้างทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ชายแดน 5.จัดตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับเอกสารที่จะใช้ในการเดินทางผ่าน แดนสำหรับประชาชนตลอดแนวชายแดนเพื่อการเข้าไปทำงานแต่ละวัน การทำงานระยะสั้น ไปจนถึงการทำงานตามฤดูกาล เพราะกัมพูชาอยากให้ใช้บัตรผ่านแดนแทนหนังสือเดินทาง 6.ความร่วมมือด้านพลังงานและไฟฟ้า โดยไทยจะเพิ่มการขายไฟฟ้าให้กัมพูชา จาก 80 เมกกะวัตต์ เป็น 120 เมกกะวัตต์ และการร่วมกันพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จ.เกาะกง
       นายนัมฮง กล่าวว่า 7.ไทยและกัมพูชาตั้งเป้าว่าจะเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกันตั้งแต่ปี 2555-2558 ให้ได้ร้อยละ 30 ต่อปี 8.การทำการเกษตรแบบมีสัญญา 9.การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ อาทิ ความร่วมมือด้านสาธารณสุข การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน การศึกษาเพื่อเพิ่มพูนทักษะด้านภาษาไทยและกัมพูชาของประชาชนในพื้นที่ และการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ 10.ส่งเสริมการพัฒนาชุมชนภายใต้โครงการต่างๆ 11.การพัฒนาโครงการสามเหลี่ยมมรกต ระหว่างไทย-กัมพูชา-ลาว และ 12.ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว นายสุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงการผลักดันความร่วมมือ ท่ามกลางปัญหาปราสาทพระวิหาร ว่า นายกรัฐมนตรีทั้ง ประเทศ หารือกันแล้วว่าทั้ง ประเทศจะแยกประเด็นความสัมพันธ์ ออกจากเรื่องปราสาทพระวิหาร เพราะความสัมพันธ์ขณะนี้ถือว่าดีมาก และไทย-กัมพูชาต้องอยู่ด้วยกันและพึ่งพากันไปอย่างนี้
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ในช่วงเย็น คณะรัฐมนตรีของไทย ได้เข้าเยี่ยมคาราวะสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่พระราชวังสันติภาพ ก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงค่ำวันนี้.
แหล่งข้อมูล ภาพและข่าว : เดลินิว